วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฉันความจำเสื่อม

7 เคล็ดลับรักษาความจำยืนยาว
ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ รายงานผลการศึกษาวิจัยของ ดร. สเตฟานี สติวเดนสกี้ แห่งโรงเรียนแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิสเบิร์ก ในการประชุมวิชาการเรื่อง "ความทรงจำที่ยืนยาว" ระบุว่าสมองมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น สามารถต้านการเสื่อมของความจำได้ ลักษณะเดียวกับการสร้างมวลกระดูกในช่วงวัยรุ่นที่สามารถช่วยป้องกันกระดูกหักในวัยชรา.....


ดร. สติวเดนสกี้ กล่าวว่า เซลล์สมองมีพัฒนาการมากในช่วงต้นของชีวิต มีหลักฐานแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการสร้างเซลล์สมองขณะที่มีอายุน้อยมีส่วนป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละวัน ดังนั้นแม้เมื่อเข้าสู่วัยชราสมองก็ยังสามารถทำงานต่อได้ สำหรับเคล็ดลับในการรักษาสติปัญญาในวัยชรา คือ


1. กินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ เลือกอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำแต่อุดมไปด้วยผักและผลไม้ รวมทั้งกลุ่มวิตามินบีควรกินปลาหลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะปลาที่มีกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า

2. ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดิน เต้นรำ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ทำสวน อย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์

3. ไปพบแพทย์เป็นประจำ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

4. นอนหลับให้เพียงพอ หากนอนน้อยกว่าวันละ 7-8 ชั่วโมง ทำให้ความจำและสมาธิไม่ดี

5. ลดความเครียด ด้วยการออกกำลังกาย สวดมนต์ และทำสมาธิ

6. คิดและใช้สมอง ยิ่งใช้สมองมากยิ่งทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือ เล่นเกมคอร์สเวิร์ด เข้าร่วมอภิปรายกลุ่ม เข้าเรียนพัฒนาตนเองในคอร์สต่างๆ เรียนเปียโน หรือเรียนภาษา ฯลฯ

7. เข้าสังคมเพื่อให้สมองตื่นตัว เช่น พบเพื่อนใหม่ เข้าร่วมเป็นสมาชิกหรืออาสาสมัคร หรือทำงานนอกเวลา

สดชื่นยามเช้าเมื่อเรานอนดึก

คนนอนดึก

ใครที่นอนดึกเป็นประจำ แล้วอยากตื่นขึ้นมาสดใส วันนี้มีเคล็ดลับมาฝาก.....

- น้ำมะนาว สำหรับคนชอบเที่ยวสถานที่กลางคืน พอตื่นขึ้นมาจะรู้สึกเจ็บคอ แนะนำให้หาน้ำมะนาวมาดื่ม เพราะมะนาวจะมีกรดมะนาว หรือ กรดซิกตริก แถมมีน้ำมันหอมระเหยอยู่เล็กน้อยพอได้กลิ่นหอมชวนดื่มจากเปลือกที่โดนคั้น แถมยังมีวิตามินซี ที่นอกจากจะช่วยขับเสมหะแก้อาการเจ็บคอ ยังช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
- น้ำขิง สำหรับคนที่รู้สึกเมาค้าง ลองหาน้ำขิงร้อนๆ มาดื่ม เพราะขิงเป็นสมุนไพรที่มีรสชาติและกลิ่นพิเศษ ขิงมีสารเคมีชนิดหนึ่งประเภทน้ำมันหอมระเหย ให้ทั้งรสและกลิ่น การทำน้ำขิงให้อร่อย ให้บุบหัวขิงที่ยังไม่แก่จัดจนเกินไป ต้มด้วยน้ำร้อนพอเดือด หากต้มนานเกินไปขิงจะเสียรสเสียกลิ่น จะดื่มเปล่าๆ หรือเติมน้ำตาลให้รสชาติหวานน่ากินก็ได้
- น้ำผัก น้ำผลไม้ ดื่มง่ายแถมยังอุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด ในน้ำผัก น้ำผลไม้ มีส่วนผสมของน้ำตาล สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายช่วยให้หายเหนื่อย หายเพลีย ทำให้ร่างกายสดชื่น อีกทั้งยังมีแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โปแตสเซียม สังกะสี ที่จะเข้าไปทดแทนในส่วนที่เสียไป - น้ำหวานๆ คนที่นอนดึกส่วนใหญ่จะตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ รู้สึกเกิดอาการเครียดทางประสาท นั่นก็เพราะว่าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารที่มีสามารอาหารของแป้งและน้ำตาลสามารถช่วยได้

โรคกระดูกพลุน

กระดูกพลุน


.....
เมื่ออายุมากขึ้น บุคลิกภาพของคนมักจะเปลี่ยนตามไปด้วย อย่างเช่น รูปร่างเตี้ยลง หลังค่อม บางคนก็มีอาการขาโก่งงอ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ กระดูกหักง่ายกว่าปกติ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดขึ้น เนื่องมาจากความหนาแน่นของกระดูกน้อยลงนั่นเอง ซึ่งตามปกติของร่างกายจะสร้างมวลกระดูกใหม่ และขจัดมวลกระดูกที่หมดอายุออกไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่วัย 35 ปีขึ้นไป อัตราการสลายกระดูกจะเร็วกว่าอัตราการสร้างกระดูก ทำให้ปริมาณมวลกระดูกลดลงและโครงสร้างภายในของกระดูกถูกทำลายส่งผลให้ระดูกชั้นในมีขนาดใหญ่ขึ้น มีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ หรือที่เรียกกันว่าอยู่ในสภาวะ “กระดูกพรุน” ซึ่งผู้หญิงจะสูญเสียเนื้อกระดูกมากกว่าผู้ชายถึง 2-3 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน ปริมาณเนื้อกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น พอ.รศ.ทวี ทรงพัฒนาศิลป์ ศัลยแพทย์ สาขา ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวว่าสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารที่มีความผิดปกติในการดูดซึมแคลเซียม คนที่ดื่มสุรา กาแฟ สูบบุหรี่จัด ผู้ป่วยที่ต้องนอนบนเตียงคนป่วยเป็นเวลานาน ผู้ป่วยโรคมะเร็งกระจายไปที่กระดูก ผู้ที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวกระดูกหักง่าย นอกจากนี้ การได้รับยาบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น ยาเสตรียรอยด์ ยากันชัก ยาไทร็อกซิน ฯลฯ รวมทั้งคนที่เป็นโรครูมาตอยด์ โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ฯลฯ ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากเป็นพิเศษเช่นกัน เมื่อกระดูกในร่างกายเริ่มบางลงจนเริ่มเข้าสู่ภาวะกระดูกพรุน ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ ปรากฏเลยถ้ากระดูกไม่หัก ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะดำรงชีวิตได้อย่างปกติ แต่หากเมื่อประสบอุบัติเหตุเช่น หกล้ม ภัยเงียบที่แอบแฝงนี้ก็ปรากฏให้รู้ สาเหตุที่กระดูกหักง่ายนั้นเพราะอยู่ในสภาวะกระดูกพรุน โดยส่วนที่จะหักง่ายได้มากกว่าปกติ ได้แก่ กระดูกหลัง กระดูกข้อมือ และกระดูกสะโพก เมื่อกระดูกหักแล้ว โดยเฉพาะกระดูกบริเวณสะโพก ผลกระทบที่ตามมาเกิดขึ้น จะทำให้ไม่สามารถเดินได้ การนอนรักษาตัวเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดแผลกดทับ อีกทั้งยังกลายเป็นภาระในการดูแลระยะยาว สุดท้ายอาจเสียชีวิตในที่สุด นอกจากนี้ สภาวะกระดูกพรุนยังส่งผลต่อโครงสร้างของกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเฉียบพลันและเรื้อรัง มีรูปร่างเปลี่ยนไป เตี้ยลง หลังโก่ง ไหล่งุ้มกว่าปกติ พุงยื่น หลังแอ่น ไม่มีเอว ฟันหลุดง่าย และการทำงานของอวัยวะภายในด้อยลง การย่อยอาหาร และการหายใจลำบาก เป็นต้น จะเห็นได้ว่า โรคกระดูกพรุน นั้น มีอันตรายสูงมาก คนที่มีอายุมากขึ้น จึงจำเป็นต้องป้องกันและรักษา แต่การที่จะรักษากระดูกที่พรุนแล้วให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมนั้นมักจะไม่ค่อยได้ผลนัก สิ่งที่ดีที่สุด คือ การดูแลตัวเองไม่ให้ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนนั่นเองวิธีการป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนควรมีการป้องกันโดยการเปลี่ยนรูปแบบการดำรงชีวิต และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆอาทิเช่น การงดสูบบุหรี่, งดดื่มสุรา, ชา, กาแฟ, ระวังการลื่นล้ม เป็นต้น นอกจากนี้ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงและบริโภคอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี โปรตีน ที่เพียงพอเพื่อความสมดุลของร่างกาย หากไม่มีเวลามากพอ ควรหาผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมให้กับกระดูก โดยเลือกที่มี คอลลาเจนไฮโดรไลเซท ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้มวลกระดูกแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย

มาตรวจสุภาพกันดีกว่า

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

สุขภาพร่างกายที่ดี หาซื้อไม่ได้ แต่การดูแลเพื่อป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตสามารถช่วยให้คุณมี สุขภาพที่ดีได้ เพราะลักษณะการดำรงชีวิตของแต่ละบุคคลต่างกัน ความเสี่ยงในการเกิดโรคก็ต่างกัน แม้กระทั่งการที่บุคคลในครอบครัวเป็นหรือเคยเป็นโรคใดโรคหนึ่งก็อาจ ก่อให้เกิดโรคทางกรรมพันธุ์ ได้ เช่นกัน ความเสี่ยงที่กล่าวถึงบางครั้งเราไม่คิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญอะไรและไม่น่าจะ ต้องกังวลถึงในความเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเราอาจเป็น สาเหตุที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอและมีโรคแอบซ่อนอยู่โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ แล้วใครจะเป็นคนบอกเราได้ว่าเรามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุของโรค ร้าย
การตรวจสุขภาพประจำปี อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยคุณได้ ด้วย เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ใน ปัจจุบันนี้สามารถบอกให้รู้ถึงความเสี่ยงของโรคที่อาจเกิดขึ้นกับตัวท่านใน อนาคต เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สร้างความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือในกรณีที่เริ่มมีอาการก็จะได้หาทางป้องกันไม่ให้ลุกลามกลายเป็นโรคต่อไป หรือวินิจฉัยให้รู้ โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการและราคาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ ล่วงหน้า

ศูนย์ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลปิยะเวท มีความพร้อมที่จะให้บริการในด้าน
การตรวจสุขภาพ ศูนย์ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลปิยะเวทมีโปรแกรมการตรวจสุขภาพหลากหลายให้เลือกอย่างเหมาะสมกับความต้องการของผู้รับบริการ ตั้งแต่โปรแกรมการตรวจสายตา โปรแกรมการตรวจสุขภาพคู่รัก โปรแกรมการตรวจสุขภาพทั่วไป โปรแกรมการตรวจสุขภาพของสตรีวัยทอง เป็นต้น
การตรวจสุขภาพนอกสถานที่ ศูนย์ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลปิยะเวทมีความพร้อมในการให้บริการตรวจสุขภาพประจำปีแก่พนักงานบริษัทในสถานที่ทำงาน ด้วยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ร่วมกับการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยในการคัดกรองโรค ให้คำแนะนำอย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานบริษัทมีความสมบูรณ์พร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจในการปฏิบัติหน้าที่การงานได้อย่างเต็มที่
การให้คำปรึกษาและคำแนะนำ จากทีมงานและบุคคลาการทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น การให้คำแนะนำทางโภชนการด้านอาหารแก่ผู้รับบริการอย่างถูกต้องและเหมาะสมโดยโภชนากรผู้เชี่ยวชาญ การให้คำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางในแต่ละระบบ
การป้องกันโรค ศูนย์ตรวจสุขภาพโรงพยาบาลปิยะเวทมีความตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเกิดโรคต่าง ๆ ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจถึงโรคต่าง ๆ รวมถึงการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบเอ เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนตรวจสุขภาพ

โปรแกรมตรวจสุขภาพข้างต้นจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารก่อนตรวจประมาณ 6-10 ชั่วโมง
สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่คับจนเกินไป เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจวัดความดัน การเจาะเลือด และการเอกซเรย์ปอดและหัวใจ
ไม่ควรสวมเครื่องประดับโลหะใดๆ ขณะเอกซเรย์ เนื่องจากจะทำให้ภาพที่ได้ไม่ชัดเจน
สำหรับสตรีมีครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ควรแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก่อนรับการตรวจ เนื่องจากการเอกซเรย์อาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์
ผู้ที่มีประจำเดือนควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทราบก่อนตรวจปัสสาวะ เพราะเม็ดเลือดที่ปะปนมากับปัสสาวะอาจทำให้การอ่านค่าผิดเพี้ยนได้
การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องต้องกลั้นปัสสาวะก่อนตรวจ เพื่อผลการอ่านค่าที่ชัดเจน
ราคาดังกล่าวข้างต้นยังไม่รวมค่าบริการโรงพยาบาล

สนามหลวง

ท้องสนามหลวง เดิมเรียกว่า ทุ่งพระเมรุ เนื่องจากใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน และพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2398 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก “ทุ่งพระเมรุ” เป็น “ท้องสนามหลวง” ดังปรากฏในประกาศว่า “ที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น คนอ้างการซึ่งนาน ๆ มีครั้งหนึ่งแลเป็นการอวมงคล มาเรียกเป็นชื่อตำบลว่า ‘ทุ่งพระเมรุ’ นั้นหาชอบไม่ ตั้งแต่นี้สืบไปที่ท้องนาหน้าวัดมหาธาตุนั้น ให้เรียกว่า ‘ท้องสนามหลวง’”



ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้นมา ได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น เป็นที่ตั้งพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ทำนาที่สนามหลวง เพื่อแสดงให้ปรากฏแก่นานาประเทศว่า เมืองไทยบริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร มีไร่นาไปจนใกล้ ๆ พระบรมมหาราชวัง และไทยเอาใจใส่ในการสะสมเสบียงอาหารไว้เป็นกำลังของบ้านเมืองด้วย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีพืชมงคล พิธีพิรุณศาสตร์มีกำแพงแล้วล้อมรอบบริเวณ ข้างในสร้างหอพระพุทธรูปสำคัญเป็นที่ประดิษฐานพระสำหรับพิธี สำหรับการพิธีมีพลับพลาที่ทำการพระราชพิธี มีหอดักลมลงที่พลับพลาสำหรับทอดพระเนตรการทำนา ข้างพลับพลามีโรงละครสำหรับเล่นบวงสรวง ด้านเหนือมีพลับพลาน้อยสร้างบนกำแพงแก้วสำหรับประทับทอดพระเนตรการทำนาในท้องทุ่ง นอกกำแพงแก้วยังมีฉางสำหรับใส่ข้าวที่ได้จากการปลูกข้าว

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขยายสนามหลวงจากเดิม และรื้อพลับพลาต่าง ๆ ที่สร้างในรัชกาลก่อน ๆ เพราะหมดความจำเป็นที่จะต้องทำนา และได้ใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การฉลองพระนครครบ 100 ปี งานฉลองเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจากยุโรปใน พ.ศ. 2440 ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้ประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ใช้เป็นสนามแข่งม้า สนามกอล์ฟ

ในรัชกาลปัจจุบันมีการใช้สนามหลวงเป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ ๆ เช่น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี พระราชพิธีกาญจนาภิเษก รวมทั้งงานพระเมรุมาศเจ้านายระดับสูง เช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

สนามหลวงเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 94 ตอนที่ 126 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2520 มีเนื้อที่ 74 ไร่ 63 ตารางวา

ภัยร้ายจาก Internet

เตือนภันมัลแวร์อาจโจมตีเว็ปไซต์ได้

องค์กรควบคุมด้านระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ได้ออก มากล่าวเตือนภัยแก่เจ้าของเว็บไซต์ว่า ให้ทำการระวังไวรัสประเภทมัลแวร์ตัวใหม่ที่จะเข้ามาโจมตีเวบไซต์ได้โดยจากรายงานของ Websense Security Labs ล่าสุดพบว่า มีเว็บไซต์กว่า 40,000 เว็บไซต์แล้วที่ถูกโจมตีด้วยโค้ด JavaScript ที่เป็นอันตราย
ซึ่งจะทำการ Redirect ไปยัง Web surfer ปลอมๆที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายกับ Google Analytics โดยภายหลังจากที่มีผู้ใช้เข้ามายังเวบไซต์ที่ถูกโจมตีแล้ว มัลแวร์พวกนี้ก็จะอาศัยช่องโหว่ของบราวเซอร์ เพื่อที่จะเข้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ได้
แต่ถ้าหากบราวเซอร์ของผู้ใช้ไม่มีจุดอ่อน ก็จะพยายามหากลอุบายมาให้ผู้ใช้ทำการดาวน์โหลดโทรจัน โดยวิธีการที่พวกมัลแวร์เข้ามาโจมตีนี้ ยังมีรายละเอียดไม่แน่ชัด แต่จากการตรวจสอบ Web surfer ปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมา พบว่า มีโฮสอยู่ในประเทศยูเครน ซึ่งน่าจะหมายความว่า Russian Business Network อาจจะอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ก็เป็นได้

แอปเปี้ลมีประโยชน์อย่างไร

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ทานแล้วมีประโยชน์มากมาย วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์อีกอย่างของแอปเปิ้ลมาบอกกัน…

ทราบหรือไม่ว่า แอปเปิ้ลมีประโยชน์ในการช่วยดับกลิ่น คือ นำไปวางไว้ในครัวในห้องรับแขกก็จะช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ แล้วเมื่อเวลากินอาหารที่มีกลิ่นแรง ๆ อย่างเช่น กระเทียมหรือของหมักดอง ก็ให้รับประทานแอปเปิ้ลตามเข้าไปสักหนึ่งเสี้ยว แค่นี้ กลิ่นเหม็นก็จะหายไป เพราะแอปเปิ้ล มีสารบางอย่างที่สามารถเข้าไปทำลายและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปาก รวมถึงแอปเปิ้ลที่เข้าไปอยู่ในกระเพาะจะช่วยทำลายและฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีก ด้วย




แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ทานแล้วมีประโยชน์มากมาย วันนี้เกร็ดความรู้มีประโยชน์อีกอย่างของแอปเปิ้ลมาบอกกัน…
ทราบหรือไม่ว่า แอปเปิ้ลมีประโยชน์ในการช่วยดับกลิ่น คือ นำไปวางไว้ในครัวในห้องรับแขกก็จะช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ แล้วเมื่อเวลากินอาหารที่มีกลิ่นแรง ๆ อย่างเช่น กระเทียมหรือของหมักดอง ก็ให้รับประทานแอปเปิ้ลตามเข้าไปสักหนึ่งเสี้ยว แค่นี้ กลิ่นเหม็นก็จะหายไป เพราะแอปเปิ้ล มีสารบางอย่างที่สามารถเข้าไปทำลายและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปาก รวมถึงแอปเปิ้ลที่เข้าไปอยู่ในกระเพาะจะช่วยทำลายและฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีก ด้วย